แชร์

สระว่ายน้ำ ไร้สารเคมี Chemical-Free 100% เป็นไปได้จริงหรือ? ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ และบทบาทของมาตรฐาน NSF 50

อัพเดทล่าสุด: 1 ธ.ค. 2025
180 ผู้เข้าชม

สระว่ายน้ำ Chemical-Free 100% เป็นไปได้จริงหรือ?
ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ และบทบาทของมาตรฐาน NSF 50

แนวคิด สระว่ายน้ำปราศจากสารเคมี 100% กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะระบบที่ใช้ Ionizer + Oxidizer + Ultrasonic และอ้างอิงมาตรฐาน NSF/ANSI 50 เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้อย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อประเมินความปลอดภัยของผู้ใช้งานสระว่ายน้ำอย่างเหมาะสม

1) ไม่มีระบบใดปราศจากสารเคมี 100% จริง ๆ
แม้ระบบเหล่านี้จะไม่ใช้คลอรีนโดยตรง แต่ก็ยังต้องอาศัยสารเคมีรูปแบบอื่น เช่น

Copper ion (Cu²) สำหรับควบคุมตะไคร่
Silver ion (Ag) สำหรับทำลายแบคทีเรีย
Non-chlorine oxidizers สำหรับสลายสารอินทรีย์
CO สำหรับควบคุมค่า pH
ดังนั้น สระว่ายน้ำไม่สามารถ ไร้สารเคมีทั้งหมด ได้ แต่สามารถลดการใช้คลอรีนลงอย่างมากเพื่อให้เป็นมิตรต่อผิวและทางเดินหายใจมากขึ้น


2) NSF/ANSI 50 คือมาตรฐานอุปกรณ์ ไม่ใช่มาตรฐานคุณภาพน้ำในสระว่ายน้ำ
หลายคนเข้าใจผิดว่า NSF 50 หมายถึงน้ำสะอาดระดับน้ำดื่ม แต่ความจริงคือ

มาตรฐานนี้รับรองอุปกรณ์ เช่น ระบบกรอง UV, Ozone, Ionizer, ปั๊ม, ฟิลเตอร์ ฯลฯ
ไม่มีความหมายว่า น้ำในสระ ผ่านมาตรฐานน้ำดื่ม
ไม่ได้ยืนยันว่าปลอดเชื้อโรค 100%
จึงควรใช้ในความหมายที่ถูกต้อง: NSF 50 = ความปลอดภัยของอุปกรณ์ ไม่ใช่คุณภาพน้ำ


3) Ionizer + Oxidizer + Ultrasonic: ข้อดี และข้อจำกัดทางวิทยาศาสตร์
ข้อดี:

ลดการใช้คลอรีนได้มาก
ลดกลิ่นและการระคายเคืองจากคลอรามีน
เหมาะกับเด็ก ผู้แพ้ง่าย และสัตว์เลี้ยง
ข้อจำกัด:

Copper & Silver ฆ่าเชื้อช้ากว่าระบบคลอรีนและโอโซนมาก (ระดับชั่วโมง)
Oxidizer แบบ non-chlorine ทำงานช้ากว่าคลอรีน/โอโซน
Ultrasonic ไม่ใช่ตัวฆ่าเชื้อ แต่ช่วยลด biofilm บนพื้นผิวเท่านั้น
ดังนั้นระบบนี้จึงเหมาะกับสระส่วนตัวที่มีผู้ใช้งานไม่เยอะ แต่ไม่เหมาะกับสระที่มีคนพลุกพล่าน เช่น สระโรงแรม โรงเรียน หรือฟิตเนส


4) สระว่ายน้ำที่ปลอดภัย ต้องมีตัวฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์เร็วเสมอ


องค์กรด้านสาธารณสุข เช่น WHO, CDC ต่างระบุว่า
สระว่ายน้ำควรมี Primary Disinfectant ที่ฆ่าเชื้อได้เร็ว
เพื่อรับมือกับการปนเปื้อนใหม่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เช่น น้ำลาย เหงื่อ แผล หรืออุจจาระปนเปื้อนจากผู้ว่ายน้ำ
คลอรีน โอโซน และ AOP (UV + Ozone) เป็นตัวฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์เร็วที่สุด
ดังนั้น แม้สระจะลดการใช้สารเคมีได้มาก แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรมีสารฆ่าเชื้อเร็วในระดับต่ำประกอบด้วย

5) ทำไมระบบนี้จึงดีสำหรับเด็กและผิวแพ้ง่าย?

ลดการระคายเคืองจากคลอรีนได้มาก
ไม่มีคลอรามีน (ตัวการของอาการแสบตาและกลิ่นฉุน)
น้ำสัมผัสนุ่มขึ้น ไม่ทำร้ายผิว
จึงเหมาะสำหรับสระบ้านที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
สรุปแบบเป็นกลาง

ไม่มีระบบสระว่ายน้ำใด Chemical-Free 100%


NSF50 เป็นมาตรฐานอุปกรณ์ ไม่ใช่มาตรฐานคุณภาพน้ำ
ระบบ Ionizer ลดคลอรีนได้จริง แต่ฆ่าเชื้อช้า
เพื่อความปลอดภัย จำเป็นต้องมีสารฆ่าเชื้อเร็วร่วมด้วย
เหมาะกับการใช้งานในบ้าน มากกว่าใช้ในสระสาธารณะหรือสระที่มีคนจำนวนมาก


บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีเลือก WATERSTOP ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ ตามขนาดความหนาคอนกรีตพื้น/ผนัง  (ฉบับ WINWINPOOL)**
⭐ แนะนำการเลือก Waterstop ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ การเลือก Waterstop สำหรับงานสระว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการรั่วซึมบริเวณรอยต่อคอนกรีต ไม่ว่าจะเป็นพื้น–ผนัง รอยต่อเทคอนกรีต หรือจุดที่มีการขยับตัวของโครงสร้าง เช่น Expansion Joint การเลือกขนาดและความหนาที่ถูกต้องช่วยลดปัญหารั่วซึมระยะยาวและยืดอายุการใช้งานของสระได้อย่างมาก หลักการเลือกคือ ให้สัมพันธ์กับความหนาของผนังหรือพื้นสระ เช่น ผนังสระ 15–20 ซม. เหมาะกับ Waterstop กว้าง 6 นิ้ว ส่วนผนัง 20–25 ซม. ควรใช้รุ่นกว้าง 8 นิ้ว นอกจากนี้จำนวนปุ่มและความหนาก็สำคัญ รุ่น 3 ปุ่มเหมาะกับงานที่ต้องการแรงยึดเกาะสูงหรือมี Movement ในขณะที่รุ่น 2 ปุ่มเหมาะสำหรับงานทั่วไป Winwinpool แบ่ง Waterstop ออกเป็น 6 รุ่น ได้แก่ Type A, AA, B, BB, C และ CC เพื่อให้เลือกได้เหมาะสมกับประเภทงานและมาตรฐานโครงสร้างของสระว่ายน้ำแต่ละแบบ
คลอรีน 90% จำเป็นต่อทุกสระว่ายน้ำ ทำไมต้องมีติดบ้านไว้เสมอ?
คลอรีน 90% เป็นสารฆ่าเชื้อหลักที่จำเป็นสำหรับทุกสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกลือ น้ำแร่ Ionizer Ozone UV หรือระบบสุขภาพอื่น ๆ เพราะระบบเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นระบบรองในการบำบัดน้ำ ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้รวดเร็วเท่าคลอรีน ในกรณีที่น้ำเริ่มขุ่น มีกลิ่น หรือมีผู้ใช้จำนวนมาก ควรเติมคลอรีนเพื่อฟื้นคุณภาพน้ำทันที และควรรักษาระดับคลอรีนขั้นต่ำที่ 0.5 ppm เพื่อป้องกันเชื้อโรคใหม่ที่เข้าสู่สระอย่างต่อเนื่อง การมีคลอรีนสต็อกไว้ที่บ้านช่วยให้คุณรับมือได้ทันเวลาและปกป้องสุขภาพผู้ใช้สระได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ควรเก็บคลอรีนไว้ในที่แห้ง ห่างความชื้น และปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อคงประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อให้ดีที่สุด หากต้องการคำแนะนำการเลือกคลอรีนหรือปริมาณการใช้เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ทุกเวลา
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในสระว่ายน้ำ การเลือกวัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อความปลอดภัย ความทนทาน และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว ซึ่ง ทรายล้าง หรือ Wash Sand Finish แม้จะเป็นวัสดุที่นิยมใช้บริเวณรอบสระ แต่ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จ
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในตัวสระว่ายน้ำ การใช้พื้นผิว ทรายล้างภายในตัวสระ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะ คลอรีนและสารเคมีสระว่ายน้ำจะกัดกร่อนผิวทราย ทำให้เม็ดทรายหลุดออกเรื่อย ๆ เมื่อถูกการไหลเวียนของน้ำ เม็ดทรายเหล่านี้มักถูกดูดเข้าสู่ระบบกรองและไปติดค้างที่ ใบพัดปั๊มน้ำ (Impeller) ส่งผลให้ปั๊มสึกหรอ เร่งการชำรุด และอาจทำให้ระบบกรองเสียหายตามมา นอกจากนี้ พื้นผิวทรายล้างยัง สะสมตะไคร่ได้ง่าย, ทำความสะอาดยาก, ผิวหยาบอาจเกิดการบาดหรือถลอกขณะใช้งาน และมีโอกาส หลุดร่อนเป็นผง ทำให้น้ำขุ่นและทำให้ต้องล้างระบบบ่อยขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว คำแนะนำ ควรเลือกใช้ กระเบื้องโมเสก, กระเบื้องสระชนิดพิเศษ, หรือพื้นเคลือบผิวสำหรับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งทนสารเคมี ทำความสะอาดง่าย และยืดอายุอุปกรณ์สระน้ำได้ยาวนานกว่า
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ