แชร์

ปิดบ้านช่วงปีใหม่ 7-10 วัน ดูแลสระว่ายน้ำอย่างไรกลับมาแล้วน้ำใส เล่นได้ทันที สะอาด ประหยัด ปลอดภัย

อัพเดทล่าสุด: 19 ธ.ค. 2025
135 ผู้เข้าชม

ปิดบ้านช่วงปีใหม่ 7-10 วัน

ดูแลสระว่ายน้ำอย่างไรกลับมาแล้วน้ำใส เล่นได้ทันที?

 



ช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่หลายครอบครัวต้องเดินทางต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ บ้านไม่มีคนอยู่หลายวัน โดยเฉพาะบ้านที่มีสระว่ายน้ำ มักเกิดคำถามสำคัญว่า

ถ้าไม่มีใครอยู่บ้าน 7-10 วัน สระว่ายน้ำจะดูแลอย่างไรดี?

หลายคนกังวลว่าน้ำจะเขียว มีกลิ่น หรือกลับมาแล้วต้องล้างสระ เปลี่ยนน้ำใหม่ ซึ่งทั้งเสียเวลาและค่าใช้จ่าย บทความนี้จะอธิบาย หลักการและแนวทางการปิดสระ 10 วัน ที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องพึ่งการดูแลรายวัน และสามารถนำไปปรับใช้ได้กับบ้านหลายรูปแบบ


หลักการพื้นฐานของน้ำในสระช่วง ไม่มีคนใช้งาน

ตามหลักการดูแลน้ำ สภาพน้ำในสระจะเปลี่ยนแปลงจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1.จุลินทรีย์ เชื้อโรค และตะไคร่
เกิดจากแสงแดด ความร้อน และสารอาหารในน้ำ แม้ไม่มีคนว่ายน้ำ ตะไคร่ก็ยังสามารถเติบโตได้
2.สิ่งสกปรกและตะกอนแขวนลอย
เช่น ฝุ่น ใบไม้ ละอองฝน ซึ่งสะสมทีละน้อยจนทำให้น้ำขุ่น
3.การหมุนเวียนน้ำ
เมื่อน้ำอยู่นิ่งนาน จะเกิดการสะสมของสิ่งสกปรกในบางจุด และลดประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อ
ดังนั้น การปิดสระที่ดี ไม่ใช่แค่ ปิดระบบ แต่ต้องมีการเตรียมสภาพน้ำให้สามารถคงคุณภาพได้ตลอดช่วง 710 วัน


หลักคิดของสูตรปิดสระ 10 วัน

สูตรดูแลสระนี้ออกแบบมาเพื่อ

1.บ้านที่ไม่มีคนอยู่หลายวัน
2.บ้านที่ไม่สามารถควบคุมระบบผ่าน Smart Home หรือ Smart App ได้
ต้องการกลับมาแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำใหม่

หัวใจของแนวคิดคือ

1.ใช้เคมีให้ทำงานแทนคน
2.ลดความเสี่ยงจากการเปิดระบบไฟฟ้าโดยไม่มีคนอยู่

ทั้งนี้ การเติมเคมีต้องพิจารณาจากขนาดสระเป็นหลัก
สูตรที่อธิบายต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างสำหรับ สระบ้านขนาดประมาณ 50 ลูกบาศก์เมตร (50 m³)
หากสระมีขนาดแตกต่าง ควรปรับปริมาณให้เหมาะสม


สูตรดูแลสระ ใส่ครั้งเดียว อยู่ได้ 10 วัน

1. กำจัดและป้องกันตะไคร่

Algae Stop Cu ใช้ปริมาณ1 ลิตร ต่อสระ 50 m³

โดยปกติ การใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่

1 ลิตร ต่อ 100 m³ หรือ 0.5 ลิตร ต่อ 50 m³
แต่ในกรณีปิดสระ 710 วัน แนะนำให้เพิ่มปริมาณเป็น 1 ลิตร ต่อสระ 50 m³
เพื่อให้สารยับยั้งตะไคร่มีฤทธิ์ครอบคลุมตลอดช่วงที่ไม่มีการดูแล ช่วยลดความเสี่ยงน้ำเขียวจากแดด ฝน และความร้อน

สั่งซื้อ Algae Stop Cu 

2. ปรับน้ำใส และเร่งการตกตะกอน

Liquid Flocculant 1 ลิตร ต่อสระ 50 m³

ตามหลักการทางฟิสิกส์ อนุภาคขนาดเล็กในน้ำจะมีประจุไฟฟ้า ทำให้ลอยตัวและไม่ตกลงพื้น
Liquid Flocculant จะช่วยรวมอนุภาคเล็กเหล่านี้ให้กลายเป็นก้อนใหญ่และตกลงก้นสระ

ผลลัพธ์คือ

น้ำไม่ขุ่นสะสม
สิ่งสกปรกลงไปกองที่พื้น
หลังเดินทางกลับมา เพียงดูดตะกอนออก น้ำก็กลับมาใสโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำใหม่

สั่งซื้อ Liquid Floculant 

3. ควบคุมเชื้อโรคด้วยคลอรีนแบบระยะยาว

Chlorine Tablet 200 กรัม 3 ก้อน ต่อสระ 50 m³

การฆ่าเชื้อที่ดี ไม่จำเป็นต้องใช้คลอรีนแรง แต่ต้องมีคลอรีนอยู่ในน้ำอย่างสม่ำเสมอ
การใช้คลอรีนแบบก้อนละลายช้า ใส่ในทุ่นลอย จะช่วยให้คลอรีนค่อย ๆ ละลายและมีอยู่ในสระทุกวัน

โดยปกติ สระ 50 m³ ใช้ประมาณ 2 ก้อน
แต่ในกรณีปิดสระหลายวัน แนะนำเพิ่มเป็น 3 ก้อน เพื่อให้เพียงพอตลอดช่วง 10 วัน

สั่งซื้อคลอรีน Tablete 1kg 

สั่งซื้อคลอรีน Tablete 5kg  

สั่งซื้อทุ่นจ่ายคลอรีน Laswim


การจัดการระบบสระ แบ่งตามลักษณะระบบควบคุมสระในบ้าน

กรณีที่ 1: บ้านไม่มีระบบควบคุมอัตโนมัติ

ไม่สามารถตรวจสอบหรือสั่งงานระบบผ่านมือถือได้

แนะนำให้ปิดปั๊มและปิดระบบทั้งหมด
ตามหลักความปลอดภัย การปล่อยให้ระบบไฟฟ้าทำงานโดยไม่มีคนอยู่ มีความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์

สูตรเคมีที่ใส่ไว้ จะทำหน้าที่ดูแลคุณภาพน้ำแทนระบบได้ตลอดช่วง 7-10 วัน


กรณีที่ 2: บ้านที่มีระบบ Smart Home / Smart App

สามารถตรวจสอบสถานะและสั่งงานระบบจากระยะไกลได้

แนะนำให้เปิดเฉพาะปั๊มน้ำ
เพื่อช่วยให้เกิดการหมุนเวียนน้ำเล็กน้อย
ส่วนระบบเกลือ (Salt Chlorinator) หรือระบบอัตโนมัติอื่น สามารถปิดไว้ได้

ในกรณีนี้ ยังสามารถใช้ สูตรปิดสระ 10 วันสูตรเดียวกัน ได้เช่นกัน


การเปิดใช้งานสระหลังเดินทางกลับ

เมื่อกลับมาถึงบ้าน แนะนำขั้นตอนดังนี้

1.ดูดตะกอนที่ตกอยู่ก้นสระออก
วัดค่าคลอรีนในน้ำ
2.มาตรฐานสระบ้าน: 1-3 ppm
หากไม่เกิน 4 ppm สามารถเล่นน้ำได้
3.หากค่าคลอรีนสูงเกิน
ลดระดับน้ำออกประมาณ 10%
4.เติมน้ำใหม่ แล้ววัดค่าอีกครั้ง
โดยทั่วไป สูตรนี้ใช้คลอรีนแบบละลายช้า จึงไม่ทำให้ค่าคลอรีนพุ่งเกินมาตรฐาน


สรุป

การปิดสระว่ายน้ำช่วงปีใหม่ 7-10 วัน ไม่ใช่เรื่องยาก
หากเข้าใจหลักการและเตรียมน้ำให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น

ไม่ว่าบ้านจะมีระบบ Smart หรือไม่
หากเลือกใช้เคมีให้เหมาะกับขนาดสระ
กลับมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ
ก็สามารถลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำได้ทันที โดยไม่ต้องล้างสระหรือเปลี่ยนน้ำใหม่

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีเลือก WATERSTOP ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ ตามขนาดความหนาคอนกรีตพื้น/ผนัง  (ฉบับ WINWINPOOL)**
⭐ แนะนำการเลือก Waterstop ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ การเลือก Waterstop สำหรับงานสระว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการรั่วซึมบริเวณรอยต่อคอนกรีต ไม่ว่าจะเป็นพื้น–ผนัง รอยต่อเทคอนกรีต หรือจุดที่มีการขยับตัวของโครงสร้าง เช่น Expansion Joint การเลือกขนาดและความหนาที่ถูกต้องช่วยลดปัญหารั่วซึมระยะยาวและยืดอายุการใช้งานของสระได้อย่างมาก หลักการเลือกคือ ให้สัมพันธ์กับความหนาของผนังหรือพื้นสระ เช่น ผนังสระ 15–20 ซม. เหมาะกับ Waterstop กว้าง 6 นิ้ว ส่วนผนัง 20–25 ซม. ควรใช้รุ่นกว้าง 8 นิ้ว นอกจากนี้จำนวนปุ่มและความหนาก็สำคัญ รุ่น 3 ปุ่มเหมาะกับงานที่ต้องการแรงยึดเกาะสูงหรือมี Movement ในขณะที่รุ่น 2 ปุ่มเหมาะสำหรับงานทั่วไป Winwinpool แบ่ง Waterstop ออกเป็น 6 รุ่น ได้แก่ Type A, AA, B, BB, C และ CC เพื่อให้เลือกได้เหมาะสมกับประเภทงานและมาตรฐานโครงสร้างของสระว่ายน้ำแต่ละแบบ
คลอรีน 90% จำเป็นต่อทุกสระว่ายน้ำ ทำไมต้องมีติดบ้านไว้เสมอ?
คลอรีน 90% เป็นสารฆ่าเชื้อหลักที่จำเป็นสำหรับทุกสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกลือ น้ำแร่ Ionizer Ozone UV หรือระบบสุขภาพอื่น ๆ เพราะระบบเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นระบบรองในการบำบัดน้ำ ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้รวดเร็วเท่าคลอรีน ในกรณีที่น้ำเริ่มขุ่น มีกลิ่น หรือมีผู้ใช้จำนวนมาก ควรเติมคลอรีนเพื่อฟื้นคุณภาพน้ำทันที และควรรักษาระดับคลอรีนขั้นต่ำที่ 0.5 ppm เพื่อป้องกันเชื้อโรคใหม่ที่เข้าสู่สระอย่างต่อเนื่อง การมีคลอรีนสต็อกไว้ที่บ้านช่วยให้คุณรับมือได้ทันเวลาและปกป้องสุขภาพผู้ใช้สระได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ควรเก็บคลอรีนไว้ในที่แห้ง ห่างความชื้น และปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อคงประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อให้ดีที่สุด หากต้องการคำแนะนำการเลือกคลอรีนหรือปริมาณการใช้เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ทุกเวลา
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในสระว่ายน้ำ การเลือกวัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อความปลอดภัย ความทนทาน และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว ซึ่ง ทรายล้าง หรือ Wash Sand Finish แม้จะเป็นวัสดุที่นิยมใช้บริเวณรอบสระ แต่ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จ
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในตัวสระว่ายน้ำ การใช้พื้นผิว ทรายล้างภายในตัวสระ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะ คลอรีนและสารเคมีสระว่ายน้ำจะกัดกร่อนผิวทราย ทำให้เม็ดทรายหลุดออกเรื่อย ๆ เมื่อถูกการไหลเวียนของน้ำ เม็ดทรายเหล่านี้มักถูกดูดเข้าสู่ระบบกรองและไปติดค้างที่ ใบพัดปั๊มน้ำ (Impeller) ส่งผลให้ปั๊มสึกหรอ เร่งการชำรุด และอาจทำให้ระบบกรองเสียหายตามมา นอกจากนี้ พื้นผิวทรายล้างยัง สะสมตะไคร่ได้ง่าย, ทำความสะอาดยาก, ผิวหยาบอาจเกิดการบาดหรือถลอกขณะใช้งาน และมีโอกาส หลุดร่อนเป็นผง ทำให้น้ำขุ่นและทำให้ต้องล้างระบบบ่อยขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว คำแนะนำ ควรเลือกใช้ กระเบื้องโมเสก, กระเบื้องสระชนิดพิเศษ, หรือพื้นเคลือบผิวสำหรับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งทนสารเคมี ทำความสะอาดง่าย และยืดอายุอุปกรณ์สระน้ำได้ยาวนานกว่า
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ