แชร์

ข้อแตกต่างการใช้งานระหว่าง กรดเกลือ 35% หรือ กรด Hydrocloric 35% กับ pH Minor และ Sodium Bisulfate 

อัพเดทล่าสุด: 6 พ.ค. 2025
155 ผู้เข้าชม
ข้อแตกต่างการใช้งานระหว่าง กรดเกลือ 35% หรือ กรด Hydrocloric 35% กับ pH Minor และ Sodium Bisulfate
   pH Minor/ Sodium Bisulfate กรดเกลือ 35% (Hydrocloric 35%)
1   ความเข้มข้น     93-98%    35%
2   ปริมาณการใช้     1.5kg/น้ำในสระ 100 คิว
    ลดค่า pH = 0.2
   1 ลิตร/ต่อน้ำในสระ 100 คิว
   ลดค่า pH=0.1-0.2
3   ความปลอดภัย   มากกว่า   น้อยกว่า
4   การขนส่ง   ง่าย   ลำบาก บริษัทขนส่ง ไม่ค่อยรับส่ง
5   ราคา   แพงกว่า   ถูกกว่า
6   ความหลากหลายการใช้งาน   ไม่หลากหลาย   หลากหลายกว่า เช่น
  ขัดพื้นทำความสะอาด
  ปรับค่า pH/บำบัดน้ำ
7   การจัดเก็บ   ง่ายกว่า ที่ต้องเข้มงวดคือความชื้น
  ปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้
  ต้องจัดเก็บอย่างดี
  ห้ามวางถังซ้อนกัน
  ห้ามหล่นกระแทก
  อากาศต้องถ่ายเทสะดวก
  ห้ามจัดเก็บในห้องเครื่อง


 

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีเลือก WATERSTOP ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ ตามขนาดความหนาคอนกรีตพื้น/ผนัง  (ฉบับ WINWINPOOL)**
⭐ แนะนำการเลือก Waterstop ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ การเลือก Waterstop สำหรับงานสระว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการรั่วซึมบริเวณรอยต่อคอนกรีต ไม่ว่าจะเป็นพื้น–ผนัง รอยต่อเทคอนกรีต หรือจุดที่มีการขยับตัวของโครงสร้าง เช่น Expansion Joint การเลือกขนาดและความหนาที่ถูกต้องช่วยลดปัญหารั่วซึมระยะยาวและยืดอายุการใช้งานของสระได้อย่างมาก หลักการเลือกคือ ให้สัมพันธ์กับความหนาของผนังหรือพื้นสระ เช่น ผนังสระ 15–20 ซม. เหมาะกับ Waterstop กว้าง 6 นิ้ว ส่วนผนัง 20–25 ซม. ควรใช้รุ่นกว้าง 8 นิ้ว นอกจากนี้จำนวนปุ่มและความหนาก็สำคัญ รุ่น 3 ปุ่มเหมาะกับงานที่ต้องการแรงยึดเกาะสูงหรือมี Movement ในขณะที่รุ่น 2 ปุ่มเหมาะสำหรับงานทั่วไป Winwinpool แบ่ง Waterstop ออกเป็น 6 รุ่น ได้แก่ Type A, AA, B, BB, C และ CC เพื่อให้เลือกได้เหมาะสมกับประเภทงานและมาตรฐานโครงสร้างของสระว่ายน้ำแต่ละแบบ
คลอรีน 90% จำเป็นต่อทุกสระว่ายน้ำ ทำไมต้องมีติดบ้านไว้เสมอ?
คลอรีน 90% เป็นสารฆ่าเชื้อหลักที่จำเป็นสำหรับทุกสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกลือ น้ำแร่ Ionizer Ozone UV หรือระบบสุขภาพอื่น ๆ เพราะระบบเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นระบบรองในการบำบัดน้ำ ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้รวดเร็วเท่าคลอรีน ในกรณีที่น้ำเริ่มขุ่น มีกลิ่น หรือมีผู้ใช้จำนวนมาก ควรเติมคลอรีนเพื่อฟื้นคุณภาพน้ำทันที และควรรักษาระดับคลอรีนขั้นต่ำที่ 0.5 ppm เพื่อป้องกันเชื้อโรคใหม่ที่เข้าสู่สระอย่างต่อเนื่อง การมีคลอรีนสต็อกไว้ที่บ้านช่วยให้คุณรับมือได้ทันเวลาและปกป้องสุขภาพผู้ใช้สระได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ควรเก็บคลอรีนไว้ในที่แห้ง ห่างความชื้น และปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อคงประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อให้ดีที่สุด หากต้องการคำแนะนำการเลือกคลอรีนหรือปริมาณการใช้เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ทุกเวลา
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในสระว่ายน้ำ การเลือกวัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อความปลอดภัย ความทนทาน และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว ซึ่ง ทรายล้าง หรือ Wash Sand Finish แม้จะเป็นวัสดุที่นิยมใช้บริเวณรอบสระ แต่ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จ
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในตัวสระว่ายน้ำ การใช้พื้นผิว ทรายล้างภายในตัวสระ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะ คลอรีนและสารเคมีสระว่ายน้ำจะกัดกร่อนผิวทราย ทำให้เม็ดทรายหลุดออกเรื่อย ๆ เมื่อถูกการไหลเวียนของน้ำ เม็ดทรายเหล่านี้มักถูกดูดเข้าสู่ระบบกรองและไปติดค้างที่ ใบพัดปั๊มน้ำ (Impeller) ส่งผลให้ปั๊มสึกหรอ เร่งการชำรุด และอาจทำให้ระบบกรองเสียหายตามมา นอกจากนี้ พื้นผิวทรายล้างยัง สะสมตะไคร่ได้ง่าย, ทำความสะอาดยาก, ผิวหยาบอาจเกิดการบาดหรือถลอกขณะใช้งาน และมีโอกาส หลุดร่อนเป็นผง ทำให้น้ำขุ่นและทำให้ต้องล้างระบบบ่อยขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว คำแนะนำ ควรเลือกใช้ กระเบื้องโมเสก, กระเบื้องสระชนิดพิเศษ, หรือพื้นเคลือบผิวสำหรับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งทนสารเคมี ทำความสะอาดง่าย และยืดอายุอุปกรณ์สระน้ำได้ยาวนานกว่า
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ