แชร์

ข้อแตกต่างระหว่าง มอเตอร์ปั๊มแบบ ODP และ มอเตอร์ปั๊มแบบ TEFC

อัพเดทล่าสุด: 6 พ.ค. 2025
113 ผู้เข้าชม

ข้อแตกต่างระหว่าง มอเตอร์ปั๊มแบบ ODP และ มอเตอร์ปั๊มแบบ TEFC
 


ลักษณะมอเตอร์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
        ในปัจจุบันรู้หรือไม่ว่า มอเตอร์สำหรับปั๊มสระว่ายน้ำที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในระบบสระว่ายน้ำทุกวันนี้มีกี่ประเภท? ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะพบเห็นมอเตอร์ของปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ มอเตอร์แบบ TEFC และ มอเตอร์แบบ ODP นั่นเอง ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าแล้วข้อแตกต่างระหว่าง มอเตอร์ทั้ง 2 แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบ ODP และ แบบ TEFC มันต่างกันอย่างไร? แล้วเราควรจะเลือกใช้ปั๊มแบบไหนดี? เพื่อให้เหมาะกับระบบสระว่ายน้ำของเรามากที่สุด วันนี้เราจะมาอธิบายถึงความแตกต่างให้ได้ทราบกัน



มอเตอร์แบบ TEFC (Totally Enclosed Fan Cooled)
        มอเตอร์ประเภทนี้ ถ้าเห็นรูปตัวลักษณะมอเตอร์ อาจจะสามารถบอกได้เลยว่าเคยพบเห็นบ่อยมากที่สุด เนื่องจากมอเตอร์ประเภทนี้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะคุณสมบัติของมอเตอร TEFC คือสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมทั่วไปได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถเลือกติดตั้งภายนอกอาคาร หรือพื้นที่เปิดได้อีกด้วย ด้วยตัวโครงสร้างของมอเตอร์ประเภทนี้จะมีการหุ้มสนิทมิดชิดโดยการหล่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว และตัวมอเตอร์จะมีพัดลมขนาดเล็กติดอยู่ที่เพลาส่วนด้านท้ายของตัวมอเตอร์เอง พัดลมนั้นจะใช้เพื่อการดึงอากาศจากภายนอกมาระบายความร้อนให้กับตัวของมอเตอร์ออกทางครีบรอบ ๆ มอเตอร์นั่นเอง และที่ตัวมอเตอร์จะมีซีลที่สามารถกันน้ำและฝุ่นได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการฉีดล้างด้วยน้ำที่มีแรงดันสูง ๆ

        ลักษณะเด่นของมอเตอร์แบบ TEFC
            – สามารถติดตั้งกับงานภายนอกอาคารได้
            – ใช้พัดลมเพื่อดึงอากาศมาระบายความร้อนของมอเตอร์ออกทางครีบ
            – โครงสร้างของตัวมอเตอร์นั้นเป็นแบบปิด
            – มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับแบบ ODP ที่ค่า kW เท่ากัน
            – เกิดเสียงขณะทำงานดังกว่าแบบ ODP



มอเตอร์แบบ ODP (Open Drip Proof)
        ประเภทต่อมาอาจจะไม่ค่อยเห็นการใช้งานที่ติดตั้งภายนอกอาคารมากนัก แต่ก็มีการนิยมใช้เหมือนกัน ซึ่งมอเตอร์ประเภท ODP จะเน้นไปที่การใช้งานสำหรับงานที่จำเป็นต้องติดตั้งภายในอาคาร หรือการใช้งานในพื้นที่แห้งสะอาดนั่นเอง ด้วยตัวโครงสร้างของมอตอร์ประเภทนี้จะมีช่องระบายอากาศ และไม่ได้มีการหุ้มมิดชิดเหมือนมอเตอร์แบบ TEFC โดยช่องระบายอากาศนี้จะออกแบบมาในลักษณะ ที่ว่าเมื่อมีน้ำหยดลงที่ตัวมอเตอร์ น้ำที่หยดลงมาจะไม่สามารถไหลเข้าสู่ภายในตัวมอเตอร์ได้ และเนื่องจากตัวมอเตอร์เป็นแบบช่องระบายอากาศ ที่มีใบพัดลมขนาดใหญ่กว่าแบบ TEFC อยู่ตรงส่วนหน้าของมอเตอร์ ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ง่าย

        ลักษณะเด่นของมอเตอร์แบบ ODP
            – เหมาะสำหรับการใช้งานที่ ติดตั้งภายนอกอาคารหรือในที่แห้งได้
            – มีช่องระบายอากาศที่ตัวมอเตอร์ทำให้สามารถระบายความร้อนได้ง่าย
            – โครงสร้างของตัวมอตอร์เป็นแบบเปิด
            – มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับแบบ TEFC ที่ค่า kW เท่ากัน
            – ทำงานได้เงียบกว่าแบบ TEFC


บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีเลือก WATERSTOP ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ ตามขนาดความหนาคอนกรีตพื้น/ผนัง  (ฉบับ WINWINPOOL)**
⭐ แนะนำการเลือก Waterstop ให้เหมาะกับสระว่ายน้ำ การเลือก Waterstop สำหรับงานสระว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการรั่วซึมบริเวณรอยต่อคอนกรีต ไม่ว่าจะเป็นพื้น–ผนัง รอยต่อเทคอนกรีต หรือจุดที่มีการขยับตัวของโครงสร้าง เช่น Expansion Joint การเลือกขนาดและความหนาที่ถูกต้องช่วยลดปัญหารั่วซึมระยะยาวและยืดอายุการใช้งานของสระได้อย่างมาก หลักการเลือกคือ ให้สัมพันธ์กับความหนาของผนังหรือพื้นสระ เช่น ผนังสระ 15–20 ซม. เหมาะกับ Waterstop กว้าง 6 นิ้ว ส่วนผนัง 20–25 ซม. ควรใช้รุ่นกว้าง 8 นิ้ว นอกจากนี้จำนวนปุ่มและความหนาก็สำคัญ รุ่น 3 ปุ่มเหมาะกับงานที่ต้องการแรงยึดเกาะสูงหรือมี Movement ในขณะที่รุ่น 2 ปุ่มเหมาะสำหรับงานทั่วไป Winwinpool แบ่ง Waterstop ออกเป็น 6 รุ่น ได้แก่ Type A, AA, B, BB, C และ CC เพื่อให้เลือกได้เหมาะสมกับประเภทงานและมาตรฐานโครงสร้างของสระว่ายน้ำแต่ละแบบ
คลอรีน 90% จำเป็นต่อทุกสระว่ายน้ำ ทำไมต้องมีติดบ้านไว้เสมอ?
คลอรีน 90% เป็นสารฆ่าเชื้อหลักที่จำเป็นสำหรับทุกสระว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกลือ น้ำแร่ Ionizer Ozone UV หรือระบบสุขภาพอื่น ๆ เพราะระบบเหล่านั้นทำหน้าที่เป็นระบบรองในการบำบัดน้ำ ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้รวดเร็วเท่าคลอรีน ในกรณีที่น้ำเริ่มขุ่น มีกลิ่น หรือมีผู้ใช้จำนวนมาก ควรเติมคลอรีนเพื่อฟื้นคุณภาพน้ำทันที และควรรักษาระดับคลอรีนขั้นต่ำที่ 0.5 ppm เพื่อป้องกันเชื้อโรคใหม่ที่เข้าสู่สระอย่างต่อเนื่อง การมีคลอรีนสต็อกไว้ที่บ้านช่วยให้คุณรับมือได้ทันเวลาและปกป้องสุขภาพผู้ใช้สระได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอ ควรเก็บคลอรีนไว้ในที่แห้ง ห่างความชื้น และปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้งาน เพื่อคงประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อให้ดีที่สุด หากต้องการคำแนะนำการเลือกคลอรีนหรือปริมาณการใช้เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ทุกเวลา
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในสระว่ายน้ำ การเลือกวัสดุปูพื้นสระว่ายน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีผลต่อความปลอดภัย ความทนทาน และค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว ซึ่ง ทรายล้าง หรือ Wash Sand Finish แม้จะเป็นวัสดุที่นิยมใช้บริเวณรอบสระ แต่ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จ
ทำไมไม่ควรทำ ทรายล้าง ภายในตัวสระว่ายน้ำ การใช้พื้นผิว ทรายล้างภายในตัวสระ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะ คลอรีนและสารเคมีสระว่ายน้ำจะกัดกร่อนผิวทราย ทำให้เม็ดทรายหลุดออกเรื่อย ๆ เมื่อถูกการไหลเวียนของน้ำ เม็ดทรายเหล่านี้มักถูกดูดเข้าสู่ระบบกรองและไปติดค้างที่ ใบพัดปั๊มน้ำ (Impeller) ส่งผลให้ปั๊มสึกหรอ เร่งการชำรุด และอาจทำให้ระบบกรองเสียหายตามมา นอกจากนี้ พื้นผิวทรายล้างยัง สะสมตะไคร่ได้ง่าย, ทำความสะอาดยาก, ผิวหยาบอาจเกิดการบาดหรือถลอกขณะใช้งาน และมีโอกาส หลุดร่อนเป็นผง ทำให้น้ำขุ่นและทำให้ต้องล้างระบบบ่อยขึ้น เพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลระยะยาว คำแนะนำ ควรเลือกใช้ กระเบื้องโมเสก, กระเบื้องสระชนิดพิเศษ, หรือพื้นเคลือบผิวสำหรับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งทนสารเคมี ทำความสะอาดง่าย และยืดอายุอุปกรณ์สระน้ำได้ยาวนานกว่า
icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ